Case iphone |
มาเป็นตัวอย่างครับ สำหรับปัจจัยในการซื้อ case มือถือนั้น แบ่งผู้ซื้อออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ของ case iphone คือ
1.บุคคลที่ต้องการ case iphone เพื่อการปกป้องตัวเครื่องอย่างดีที่สุด
2.บุคคลที่ต้องการ case iphone เพื่อเป็นเหมือนอุปกรณ์ตกแต่ง และเพิ่มระดับความหรูหรา
ประเภทของ case iphone
โดยปกติแล้ว case จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ
- Soft Case
- Hard Case
- Hybrid Case
- Leather Case
- Silicone Case
- TPU Case
โดยสำหรับ case iphone ที่เราจะเห็นได้มากที่สุดและมีราคา ถูกที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้น Silicone Case เนื่องจากเป็น case ที่ราคาถูกและทำง่ายทำให้ปริมาณการผลิตนั้นมีสูงเนื่องจากสามารถผลิตออกมาได้มาก และกำไรต่อหน่วยเยอะ
Silicone Case |
ข้อดีของ case ประเภทนี้คือ
- มีความยืดหยุ่นสูง และรับการกระแทกจากการตกได้ดี ทำให้เวลาทำเครื่องตกนั้นเครื่องจะไม่ได้รับความเสียหายมาก
- ทำความสะอาดได้ง่าย เพราะเอาไปล้างน้ำได้เลย
- ติดตั้งง่ายเพราะเนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้เวลาติดตั้งไม่มีปัญหา
- เป็น case ที่ให้ความรู้สึกเวลาถือดีที่สุดเพราะมีความหนืด ทำให้ถือแล้วติดมือ
- เป็นเสมือนแม่เหล็กดูดฝุ่นเลยทีเดียว เพราะวัสดุค่อนข้างมีความหนืด ทำให้ฝุ่นเกาะเหนียวแน่นมากเวลาใช้ในระยะยาว
- ขยายตัวออกทำให้เสียรูปเดิมเมื่อโดนความร้อน ทำให้ไม่พอดีกับเครื่อง เวลาใช้งานไปซักระยะ
- Silicone เสื่อมสภาพหลังจากใช้ไปประมาณ 6 เดือน โดยเฉพาะ case ราคาถูกมักจะเสื่อมก่อนเสมอ
- มักมีปัญหาสีตกใส่เครื่องเสมอๆ โดยเฉพาะสินค้า no name case iphone ประเภทนี้ เช่น switcheasy colors เป็นต้น
TPU Case |
ข้อดีของ case ประเภทนี้คือ
- ไม่เสียรูปในการใช้งานระยะยาว
- รับแรงกระแทกได้ดี แม้จะไม่เท่า Silicone
- ไม่ดักจับฝุ่น เพราะพื้นผิวไม่ grippy เหมือนกับ Silicone
- ติดตั้งง่าย
- เนื่องจากความหนืดและติดมือน้อยกว่า Silicone ทำให้หลุดมือได้ง่ายกว่ามาก
- รับแรงกระแทกได้ไม่ดี เพราะความยืดหยุ่นน้อยกว่า ทำให้เมื่อทำตกแล้วมักมีปัญหามากกว่า Silicone
- แบ่งตามวัสดุ แบ่งออกเป็นออกเป็น 2 ประเภท ย่อยๆได้แก่ 1. Plastic และ 2. Aluminium
- แบ่งออกตามประเภทการใส่ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยๆ ได้แก่ 1. Snap On และ 2. Slide In
Snap On/ Plastic Hard Case |
สำหรับการแบ่งตามวัสดุนั้น case iphone ประเภท hard case ส่วนใหญ่ในราคา ระดับ 2 หรือ ระดับปานกลางนั้น จะเป็น Plastic ทั้งหมด หรือไม่ก็เป็น Aluminium เกรดต่ำ ส่วน case iphone ประเภท Aluminium เกรดดีๆนั้น มักจะมีราคาสูง case ประเภทนี้ ที่เห็นได้ชัดคือ Elementcase, Xcelcase เป็นต้น ซึ่ง case iphone ประเภท Hard Case นั้นข้อดีและข้อเสียจะมีต่างกันไม่มา ซึ่ง case ประเภทนี้สามารถใช้ได้กับเคสหลายๆรุ่น เช่น case iphone 4,case,iphone 4/s,case iphone 5
Slide In/ Aluminium Hard Case |
ข้อดี
- ต่างกันเพียงความทนทานเท่านั้น เพราะ Plastic ย่อมแตกหักง่ายกว่า Aluminium
ข้อเสีย
- Aluminium แท้ๆนั้น คือทำให้โทรศัพท์มือถือนั้นมีปัญหาด้านการรับสัญญาณ และทำให้จับ GPS ไม่ได้ หรือทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ถ้าจะซื้อ case iphone ประเภทนี้ควรเลือก case plastic จะดีกว่า ยกเว้น aluminium case อันนั้นจะแก้ไขปัญหานี้แล้ว อ่านรายละเอียดได้จากทางเว็บไซค์ผู้ผลิต เช่น Xcelcase จะใช้ plastic แทนในส่วนของการรับสัญญาณ ทำให้ไม่มีปัญหา การติดตั้งมักยุ่งยาก และมีน้ำหนักมาก
Hybrid Case |
ข้อดี
- มีความยืดหยุ่นจาก Soft Case ที่มักอยู่ติดกับตัวเครื่อง
- แข็งแรงทนทานไม่เสียรูปจาก Hard Case ที่มักทำหน้าที่รักษารูปทรงของ Soft Case ภายใน
- ให้ความรู้ในการจับที่ดี
- รับแรงกระแทกได้ดี และดีที่สุดในบรรดา case ทุกชนิด
- เทอะทะ เพราะ case ประเภทนี้มักมีขนาดใหญ่กว่า case ประเภทอื่น
- ฝุ่นมักเกาะกับ soft case ภายใน
- เรียกได้ว่า over protection
- Plastic ที่ให้มามักแตกหักง่าย เพราะต้องการลดขนานของ case
Leather Case หรือ Case หนังนั่นเอง ซึ่งมีหลายประเภทมาก ผมก็ไม่รู้จะแบ่งออกเป็นกี่ประเภทดีเหมือนกันครับ เพราะขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ ซึ่ง case ประเภทนี้สามารถใช้ได้กับเคสหลายๆรุ่น เช่น case iphone 4,case,iphone 4/s,case iphone 5
Leather Case |
ข้อดี
- สวย
- classic
- สะดวก เพราะไม่จำเป็นต้องติดตั้ง เป็นเพียงที่เก็บชั่วคราวเสียส่วนใหญ่ ยกเว้นรุ่นที่ทำออกมาเป็น case
- เสียหายยาก
- เทอะทะ เพราะนั่นหมายความว่าเราต้องขนสิ่งที่ไม่จำเป็นเพิ่ม ขึ้น 1 ชิ้น
- การปกป้องนั้นเรียกว่าแทบจะไม่ได้ปกป้อง เพราะเวลานำออกมาใช้ต้องนำออกจากตัว case ยกเว้นแบบ flip
- ไม่สะดวกในการนำออกมาใช้
ที่มาของบทความ : คุณ nccommu จากเว็บไซต์ Pantip
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบ